ย้อนกลับไปตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๕ จากแนวคิดและความใฝ่ฝันของ กลุ่มบุคคลภาคเอกชนนําโดยท่านผู้หญิง มณีรัตน์ บุนนาค พร้อมกับคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นําไปสู่การผสานความร่วมมือดําเนินงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสมทบทุนทรัพย์คนละเล็กคนละน้อย จนก่อเกิดเป็นอนุสรณ์สถานในรูปของสวนพักผ่อนขนาดใหญ่ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในศุภมงคล สมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐
สวนที่พสกนิกรร่วมแรงร่วมใจกัน สร้างถวายนี้ มีวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานที่สําหรับการพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังถูกจัดสร้างให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นศูนย์กลางรวบรวม สะสมอนุรักษ์พรรณไม้ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้าวิจัย เป็นแหล่งความรู้ปลูกฝังทัศนคติในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อันจะนําประโยชน์สุขมาสู่ประชาชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืนสืบไป สอดคล้องตามพระราชปณิธานที่พระองค์ทรงถือปฏิบัติมาโดยตลอดการครองราชย์
เหนืออื่นใด สวนขนาดใหญ่แห่งนี้มิได้เป็นเพียงสวนพักผ่อนธรรมดา หากแต่เป็นอนุสรณ์สําคัญอันก่อเกิดจากความสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ และความจงรักภักดีของปวงชนที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ชื่อสวนแห่งนี้ว่า “สวนหลวง ร.๙” และ เสด็จพระราชดําเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ มาทรงเปิดสวนหลวง ร.๙ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐
สวนหลวง ร.๙ ตั้งอยู่ที่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๕๐๐ ไร่ มูลนิธิสวนหลวง ร.๙ เป็นฝ่ายสนับสนุนกิจการ โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิสวนหลวง ร.๙ คณะกรรมการบริหารสวนหลวง ร.๙ และกรุงเทพมหานคร ร่วมดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ โดยแบ่งส่วนต่าง ๆ ออกเป็น ๖ บริเวณ ได้แก่
บริเวณที่ ๑ “บริเวณเฉลิมพระเกียรติ” พื้นที่ ประมาณ ๒๑ ไร่ เป็นที่ตั้ง “หอรัชมงคล” อาคารสําคัญที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สื่อความหมายอันเป็น มงคล “เลข ๙” เลขลําดับรัชกาล ปรากฎเป็นโครงสร้างอาคารรูปทรง ๙ เหลี่ยม ประกอบด้วยโครงหลังคา ๙ ครีบโค้งเป็น แนวไปรวมกันบนยอดของอาคาร, หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีเหลือง สีประจําวันพระราชสมภพ เสารอบอาคารเป็นรูปทรง ๙ เหลี่ยมสีทอง , รอบนอกหอรัชมงคลจัดเป็น ห้องกระจก ๙ ห้อง แสดงนิทรรศการพระราชประวัติ พระราชจริยวัตร , โครงการในพระราชดําริ ตลอดจนเครื่องใช้ส่วนพระองค์ “เลข ๖๐” เลขพระชนมพรรษาเป็นความสูงของอาคาร และเป็นรัศมีของผังพื้น รูป ๙ เหลี่ยม ขณะที่ “เลข ๕” เลขพระชนมพรรษา ๕ รอบ เป็นความสูงของเสารอบอาคาร และความกว้างของห้องจัดแสดงนิทรรศการ นอกจากนั้นภายในหอรัชมงคล ยังมีห้องโถงสําหรับการประชุมที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง ๕๐๐ คน เพื่อจัดกิจกรรมและการแสดงต่าง ๆ ด้านหน้าของหอรัชมงคล คือ “อุทยานมหาราช” มีต้นราชพฤกษ์เป็นกลุ่มพรรณไม้หลัก เมื่อถึงฤดูกาลจะออกดอกสีเหลืองอร่ามสร้างความเป็นสิริมงคลรอบสระน้ำพุขนาดใหญ่ ๓ สระ
บริเวณที่ ๒ “สวนพฤกษศาสตร์” พื้นที่ประมาณ ๑๕๐ ไร่ เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้มากกว่า ๒,๓๐๐ ชนิด ซึ่งจัดปลูกตามหลักอนุกรมวิธานและนิเวศวิทยา มี “พลับพลายอด” เป็นศาลากลางน้ำที่จําลองจากพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ในพระราชวังบางปะอิน เป็นสัญลักษณ์สร้างความสวยงามโดดเด่น และมี “หอพฤกษศาสตร์” ภายในมีพิพิธภัณฑ์พืช ห้องสมุดพฤกษศาสตร์ และห้องทํางานนักวิชาการด้านพฤกษศาสตร์ นอกจากนั้นยังมี “อาคารถกลพระเกียรติ” เป็นสถานที่สําหรับจัดประชุมสัมมนาและงานกิจกรรมต่าง ๆ
บริเวณที่ ๓ “ตระพังแก้ว” อ่างเก็บน้ำขนาด ๔๐ ไร่ แวดล้อมด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม เป็นที่จัดกิจกรรมทางน้ำ มีเรือพายและจักรยานน้ำให้บริการประชาชน นอกจากเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ประโยชน์ใช้สอยที่สําคัญคือเป็นแก้มลิงของเขตชานเมืองด้านตะวันออก ก่อนระบายสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ตามแนวพระราชดําริ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๓ บริเวณริมฝั่งตระพังแก้วทางด้านสวนรมณีย์ เป็นที่ตั้งประติมากรรมเฉลิมพระเกียรติ “บรมราชินีนาถบุปผาลัย” เนื้อหาของประติมากรรม คือ “พระสถิตย์ในหทัยราษฎร์” บอกเล่าถึงพระราชกรณียกิจหลากหลายที่เปี่ยมล้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลแก่พสกนิกร ริมฝั่งอีกฟากหนึ่ง คือที่ตั้ง “อาคารชายชล” เป็นสํานักงานคณะ กรรมการบริหารของมูลนิธิสวนหลวง ร.๙ และร้านอาหารให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป
บริเวณที่ ๔ “สวนรมณีย์” พื้นที่ประมาณ ๕๐ ไร่ เป็นสวนที่จําลองภูมิทัศน์และลักษณะแวดล้อมของธรรมชาติมาจัดแสดงไว้อย่างกลมกลืม เสมือนอยู่ในพงไพรท่ามกลางแมกไม้และลําธาร ภายในบริเวณ มี “ศาลาพุฒ-จันทน์” ซึ่งสร้างจากไม้สักทอง ล้อมรอบด้วยพรรณไม้หอมนานาชนิดที่ปลูกประดับไว้อย่างสวยงาม
บริเวณที่ ๕ “สวนน้ำ” พื้นที่ประมาณ ๔๐ ไร่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดําริให้จัดทําสวนน้ำภายในสวนหลวง ร.๙ โดยจําลองให้คล้ายกับธรรมชาติของป่าพรุทางภาคใต้ พร้อมปลูกพรรณไม้ต่าง ๆ ที่เหมาะสม เพื่อการศึกษา และสร้างความรื่นรมย์ให้แก่ประชาชน
บริเวณที่ ๖ “สนามราษฎร์” พื้นที่ประมาณ ๗๐ ไร่ เป็นลานสนามหญ้าสําหรับใช้เป็นสนามกีฬาและจัดกิจกรรมต่าง ๆ และยังมี “สังคีตศาลา” ใช้ในการแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้ง และ “กระโจมแตร” สําหรับการเล่นดนตรีวงเล็กในสวน นอกจากนี้ยังมี ศูนย์กีฬา ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ และสนามเทนนิสให้บริการ
นอกจากบริเวณที่กล่าวมาแล้วยังมีการจัดแสดงสวนอีกหลายลักษณะ ได้แก่ “สวนนานาชาติ” ประกอบ ด้วย สวนจีน สวนญี่ปุ่น สวนสเปน สวนอังกฤษ สวนฝรั่งเศส สวนอิตาลี สวนต่าง ๆ เหล่านี้ ได้รับความร่วมมือในการออกแบบและจัดสร้างโดยประเทศต่าง ๆ ดังกล่าว รวมทั้ง “อาคารจีโอเดสิกโดม” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาคมหอการค้าสหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่สําหรับปลูกพรรณไม้ทนแล้งชนิดต่าง ๆ มีพืชในเขตทะเลทรายที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะ “ปีศาจทะเลทราย” พันธุ์ไม้หายากเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของโลก ขึ้นอยู่เฉพาะในทะเลทรายประเทศนามิเบียและแองโกล่าทวีปแอฟริกา หากแต่สามารถนํามาปลูกเลี้ยงภายในอาคารจีโอเดสิกโดมตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ พร้อมทั้งประสบความสําเร็จในการผสมพันธุ์และเพาะเมล็ดเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
และยังมีสวนที่รวบรวมกลุ่มพรรณไม้ชนิดต่างๆ อาทิ สวนสมุนไพรเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ได้ทำการปรับปรุงสวนขึ้นใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และได้เสด็จฯมาทรงทำพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้ปลูกพืชสมุนไพรไว้กว่า ๔๐๐ ชนิด
“อาคารพรรณไม้ในร่ม” ภายในมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูกพรรณไม้พื้นเมืองหายากและพรรณไม้ป่าดิบชื้น รวมถึงพรรณไม้ต่างๆ ที่นำเข้ามาปลูกประดับเพื่อความสวยงามทั้งไม้ใบและไม้ดอก
“เรือนเฟิร์นและกล้วยไม้” เป็นสถานที่ปลูกสะสมสายพันธุ์เฟิร์นและกล้วยไม้ทั้งพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์ต่างประเทศ และพันธุ์ลูกผสมต่าง ๆ
“สวนบัวเบญจพรรณ” รวบรวมพันธุ์บัวหลวงและบัวสายไว้มากกว่า ๒๐๐ สายพันธุ์ที่จะผลัดกันออกดอกหลากหลายสีสันสร้าง ความสวยงาม รวมทั้ง “บัวควีนสิริกิติ์” บัวลูกผสมพันธุ ์ใหม่ที่ได้รับพระราชทานนาม จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากการพัฒนาสายพันธุ์จนดอกที่ ออกมามีสีม่วงซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในบัวสายเขตอบอุ่น ก็ได้ถูกนํามาปลูกเลี้ยงไว้ภายในสวนบัวแห่งนี้
นอกจากนั้นยังมีสวนพืชวงศ์หญ้า สวนมะพร้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ สวนไม้ผลเมืองร้อน สวนไม้ประจําจังหวัด ซึ่งรวบรวม และอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นแหล่งศึกษาให้ความรู้แก่นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไป
และมีสวนต่าง ๆ ที่ออกแบบอย่างสวยงามและมีเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความรื่นรมย์ให้แก่ผู้เข้าชม อาทิ “สวนเชิงผา” ตกแต่งด้วยก้อนหินขนาดต่าง ๆ , “สวนกําแพงหิน” มีลักษณะเป็นชั้นหินแทรกด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ขณะที่ “สวนกล” เป็นสวนที่ปลูกต้นไม้ให้เป็นทางเดินสลับไปมาเหมือนเขาวงกต
ซึ่งพื้นที่หลักทั้ง ๖ บริเวณ และสวนพักผ่อนรูปแบบต่าง ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดได้รับการดูแลโดยสํานักงานสวนหลวง ร.๙ กรุงเทพมหานคร
สวนหลวง ร. ๙ เปิดให้เข้าชมทุกวันในช่วงเวลา ๐๕.๐๐ น. ถึง ๑๙.๐๐ น. โดย เก็บค่าเข้าชมตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น. แต่ละวันมีประชาชนเข้ามาดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ทั้งการทัศนศึกษาด้านพฤกษศาสตร์จากพรรณไม้นานาชนิดทั่วอาณาบริเวณ การเที่ยวชมและพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางทิวทัศน์อัน สวยงาม มีสวนสุขภาพ สนามกีฬา และพื้นที่ออกกําลังกายสําหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย นอกจากนั้น สวนหลวง ร.๙ ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ มีงานสําคัญที่จัดขึ้นเป็นประจําช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี คือ “งานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.๙”
นับเป็นเวลามากกว่า ๓ ทศวรรษ ที่มวลหมู่พรรณไม้มากมายได้งอกงามเติบโต สร้างความร่มรื่น มอบความสุข ให้ความรู้และก่อแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สวนหลวง ร. ๙ คือ มรดกอันทรงคุณค่าของแผ่นดินไทย ซึ่งได้สร้างประโยชน์สุขที่ยั่งยืนให้แก่ประชาชนและเป็นอนุสรณ์แห่งความจงรักภักดี เป็นสัญลักษณ์ของสายสัมพันธ์ระหว่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ กับพสกนิกรของพระองค์ ที่ยังคงผูกพันอย่างแน่นแฟ้น และไม่มีวัน เสื่อมคลาย